CSI Season 12 เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทีม CSI ภายใต้การนำของ DB Russell (รับบทโดย Ted Danson) ผู้ซึ่งเข้ามาคุมทีมหลังจากเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในซีซั่นก่อน แคทเธอรีน และ นิค ถูกลดตำแหน่ง ขณะที่ มอร์แกน โบรดี้ เข้าร่วมทีมและเริ่มต้นด้วยคดีแรกสุดซับซ้อนในตอน “73 Seconds”
ตลอดทั้งซีซั่น ทีมงานต้องไขคดีที่หลากหลายและซับซ้อน เช่น คดีฆาตกรรมครอบครัวที่เกี่ยวพันกับอดีตที่เจ็บปวด (“Tell Tale Hearts”), การจมน้ำในช็อคโกแลตที่ชวนสะเทือนใจ (“Bittersweet”), การฆาตกรรมในพิพิธภัณฑ์มาเฟีย (“Maid Men”), และคดีที่สร้างความประหลาดใจมากมาย
นอกจากนี้ ซีซั่นนี้ยังเจาะลึกเรื่องราวส่วนตัวของตัวละคร เช่น DB Russell ที่ต้องหาสมดุลระหว่างงานและครอบครัว (“Brain Doe”), มอร์แกน โบรดี้ ที่พบว่าตัวเองต้องรับมือกับสถานการณ์เสี่ยงชีวิตระหว่างเที่ยวบิน (“CSI Down”), และคดีที่เกี่ยวพันกับภรรยาของ Doc Robbins (“Genetic Disorder”)
อีกจุดสำคัญของซีซั่นนี้คือการจากไปของ แคทเธอรีน ซึ่งร่วมมือกับ FBI ในภารกิจสำคัญ (“Ms. Willows Regrets”) ก่อนตัดสินใจลาออกเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ (“Willows in the Wind”)
ทีมยังได้สมาชิกใหม่ จูลี่ ฟินเลย์ หรือ “ฟินน์” (รับบทโดย Elisabeth Shue) ที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงพร้อมกับไขคดีที่น่าตื่นเต้น เช่น การขโมยบ้านในรูปแบบแปลกประหลาด (“Stealing Home”), คดีฆาตกรรมในงานแต่งงานธีม อลิซในแดนมหัศจรรย์ (“Malice in Wonderland”), และปัญหาจากอดีตที่ตามมาส่งผลต่อปัจจุบัน
ตอนจบของซีซั่น (“Homecoming”) ยิ่งเพิ่มดราม่าเมื่อเกิดการยิงเสียชีวิตของเอคลี, การตัดสินใจลาออกของนิค และแล็บอาชญากรรมถูกควบคุมโดยหน่วยงานภายนอก สร้างความกดดันและทำให้เรื่องราวยิ่งเข้มข้น
CSI Season 12 ยังคงรักษาความสนุกและความลึกลับของการสืบสวนไว้อย่างเต็มที่ พร้อมด้วยการพัฒนาตัวละครและปมที่ลึกซึ้งมากขึ้น ทำให้ซีซั่นนี้เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่น่าติดตาม