Hell on Wheels Season 1 เป็นซีรีส์แนวประวัติศาสตร์-ดราม่า ที่นำเสนอเรื่องราวในช่วงหลังสงครามกลางเมืองอเมริกา ปี 1865 ซึ่งเป็นยุคที่กำลังก่อสร้างทางรถไฟข้ามทวีป โครงการที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความโหดร้าย โดยซีรีส์จะติดตามชีวิตของ คัลเลน โบฮานนอล (Anson Mount) อดีตทหารฝ่ายใต้ที่ถูกความแค้นครอบงำ หลังจากสูญเสียภรรยาและลูกชายไปจากน้ำมือของกลุ่มทหาร เขาออกตามล่าตัวผู้กระทำผิดโดยมีการก่อสร้างทางรถไฟเป็นฉากหลัง
ระหว่างทาง คัลเลนได้พบกับตัวละครหลากหลายที่มีบทบาทสำคัญต่อการก่อสร้างทางรถไฟและสะท้อนสังคมในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารที่แสวงหาผลประโยชน์, คนงานที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย และชนพื้นเมืองอเมริกันที่ต้องเผชิญกับการถูกรุกรานและพลัดถิ่น
จุดเด่นของซีรีส์:
การผสมผสานความแค้นและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม: การเดินทางของคัลเลนที่เต็มไปด้วยอุปสรรคในการตามล่าและการค้นหาความสงบภายใน ฉากหลังประวัติศาสตร์: การก่อสร้างทางรถไฟข้ามทวีปเป็นการสะท้อนความฝันและความขัดแย้งในยุคบุกเบิกอเมริกา ตัวละครหลากหลายมิติ: ตั้งแต่ผู้นำผู้ไร้ศีลธรรม, ชนพื้นเมืองผู้ถูกกดขี่, ไปจนถึงคนงานที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด การถ่ายทอดบรรยากาศที่สมจริง: สะท้อนความยากลำบากและความขัดแย้งในยุคหลังสงคราม
ตัวละครหลัก:
คัลเลน โบฮานนอล (Anson Mount): อดีตทหารฝ่ายใต้ผู้มุ่งมั่นตามล่าศัตรูที่ฆ่าครอบครัวของเขา โธมัส “ด็อค” ดูแรนท์ (Colm Meaney): ผู้บริหารที่คอยหาผลประโยชน์จากโครงการรถไฟ เอไลอาห์ “เดอะสวีดิช” (Christopher Heyerdahl): คนคุมงานที่เข้มงวดและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม โจเซฟ แบล็คมูน (Eddie Spears): ชนพื้นเมืองที่ต้องตัดสินใจระหว่างวัฒนธรรมเดิมกับโลกใหม่ ลิลี่ เบลล์ (Dominique McElligott): หญิงสาวผู้เข้ามาพัวพันกับการก่อสร้างทางรถไฟ
สรุป: Hell on Wheels Season 1 เป็นซีรีส์ที่สะท้อนถึงการต่อสู้ การเอาตัวรอด และการฟื้นฟูจิตใจจากความแค้น ผ่านฉากหลังที่เป็นการก่อสร้างทางรถไฟอันยิ่งใหญ่ของยุคอเมริกา การแสดงที่โดดเด่น การเล่าเรื่องที่เข้มข้น และบรรยากาศที่สมจริง ทำให้ซีซั่นนี้น่าติดตามสำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์แนวประวัติศาสตร์และดราม่าแอ็กชัน
